การพัฒนาในโลกดิจิทัลมีผลกระทบอย่างมากต่อการใช้งานเครือข่ายและอุปกรณ์ไฟฟ้า หนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญและทันสมัยที่ช่วยให้การสื่อสารและการเชื่อมต่อเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วคือ “Power over Ethernet” หรือ PoE
![](https://ndrsolution.com/wp-content/uploads/2024/01/POE_01-1024x250.png)
PoE คืออะไร
PoE ย่อมาจาก Power over Ethernet เป็นเทคโนโลยีจ่ายไฟฟ้าผ่านสาย LAN เพียงแค่มีสาย LAN เพียง 1 เส้นก็สามารถสื่อสารและใช้พลังงานร่วมกันได้จึงทำให้การติดตั้งสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นนอกอาคาร เพดาน หรือแม้กระทั่งบริเวณที่ไม่มีสายไฟก็สามารถใช้งานได้
ยกตัวอย่างเช่นกล้องรักษาความปลอดภัย สถานที่ติดตั้งจะมีทั้งนอกอาคาร และ ภายในอาคาร ถ้าหากไม่ใช้ PoE ปัญหาที่พบเจอก็คือ บริเวณที่ติดตั้งจะต้องมีแหล่งจ่ายไฟเสมอ
จากนี้จะขออธิบายเนื้อหาของ PoE ที่สามารถเข้าใจได้ง่ายๆครับ
มาตราฐาน PoE แบ่งออกได้ดังนี้
เปิดตัวครั้งแรกในปี 2003「PoE(IEEE 802.3af)」ครั้งที่สองปี 2009「PoE+(IEEE 802.3at)」และครั้งที่สามปี 2018「PoE++(IEEE802.3bt)」หลังจากนั้นก็มีหลายๆบริษัทพัฒนาเทคโนโลยี PoE เพื่อให้ได้กำลังไฟฟ้าที่สูงขึ้น
![](https://ndrsolution.com/wp-content/uploads/2024/01/POE_02.png)
ข้อเสียและข้อควรระวังหากจะใช้งาน PoE
- ราคาแพงกว่าอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ PoE ต้องตัดสินใจให้ดีก่อนจะเลือกใช้งาน
- สำหรับกล้อง PTZ จะมีจุดบอดเมื่อกล้องเปลี่ยนตำแหน่งการจับภาพ ทำให้ต้องมีการติดตั้งกล้องหลายๆจุดเพื่อป้องกันจุดบอดนั้น ต้นทุนจึงสูงขึ้นไปด้วย
- สาย LAN ต้องมาตราฐาน Cat5e ขึ้นไปและความยาวของสายต้องไม่เกิน 100 เมตร
![](https://ndrsolution.com/wp-content/uploads/2024/01/POE_03-1024x294.png)
อธิบาย Hardware หลักการทำงานแบบคร่าวๆ ของ PoE
จากภาพด้านบนจะแบบออกเป็น 2 ส่วน คือ
- PSE ( Power Sourcing Equipment ) หมายถึงอุปกรณ์ฝั่งส่ง โดยจะนำ Power รวมเข้ากับ DATA แล้วส่งผ่านสาย LAN
- PD ( Powered Device ) หมายถึงอุปรณ์ฝั่งรับ โดยจะรับ Power และ DATA มาจาก PSE จากนั้นจะผ่าน BRIDES เพื่อแยก Power ออกจาก DATA
เมื่อเริ่มจ่ายไฟให้กับ PSE บอร์ด ในขณะที่แรงดันกำลังค่อยๆขึ้น ( ประมาณ15.5V ) PSE บอร์ดจะเช็คกระแสไฟจาก PD ว่าอยู่ใน Class ไหน จึงค่อยทำการจ่ายแรงดันและกำลังไฟฟ้าให้
ดังนั้นอุปกรณ์ฝั่งรับสามารถเลือกอุปกรณ์ที่รองรับ PoE หรือ ไม่รองรับ PoE มาใช้งานก็ได้ แต่จำเป็นต้องมี PD Board มาแยก Power ออกก่อน
![](https://ndrsolution.com/wp-content/uploads/2024/01/POE_04-1024x432.png)
หากผู้อ่านอยากออกแบบวงจร PoE ด้วยตัวเอง สามารถดู Reference Circuit ได้จากทาง Analog Devies ได้ครับ
![](https://ndrsolution.com/wp-content/uploads/2024/01/POE_05.png)
![](https://ndrsolution.com/wp-content/uploads/2024/01/POE_06.png)
การคำนวณ Impedance Control สำหรับการออกแบบ PCB
การคำนวณ Impedance Control สำหรับการออกแบบ PCB ในส่วนของ Ethernet Connector ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจความหมายของ Impedance ก่อนว่าคืออะไร
อินพีแดนซ์ (Impedance) เป็นค่าทางไฟฟ้าที่เป็นค่าเฉลี่ยของความต้านทางที่ได้จากสายสัญญาณ มีความสำคัญมากในการออกแบบ PCB เมื่อค่าอินพีแดนซ์คำนวณอย่างถูกต้อง สายสัญญาณ Ethernet จะสามารถรับส่งข้อมูลได้อย่างแม่นยำและประสิทธิภาพ
การที่จะคำนวณได้ จะต้องทราบก่อนว่าทางบริษัทที่ผลิต PCB ที่เราจะผลิตมี Layer stack-ups เป็นอย่างไร ถ้าหากเรากำหนดเอง บริษัทผลิตสามารถทำได้หรือเปล่า เป็นเรื่องที่เราจะต้องตรวจสอบก่อน สำหรับหัวข้อนี้ผู้เขียน ขอยกตัวอย่างบริษัท jlcpcb เนื่องจากสามารถคำนวณออนไลน์ได้เลย
![](https://ndrsolution.com/wp-content/uploads/2024/01/POE_07-1024x577.png)
ภาพด้านบนเป็นตัวอย่างการคำนวณจาก https://jlcpcb.com/pcb-impedance-calculator/
หากเราต้องการคำนวณเอง ผู้เขียนแนะนำให้ลองใช้โปรแกรม Saturn PCB Design ดูครับ
เมื่อเรารู้ค่าของขนาด Trace Width, Trace Spacing แล้วให้นำค่าเหล่านี้ไปบอกผู้ที่ออกแบบ PCB ให้ทำตาม spec นี้ จะได้ impedance 100Ω ครับ
![](https://ndrsolution.com/wp-content/uploads/2024/01/POE_08.png)